คำชี้แจง บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

August 01, 2022

เรื่อง แถลงการณ์ความคืบหน้า และสถานการณ์ของบริษัทฯ 

วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2565

บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด (“บริษัทฯ”) มีความตั้งใจที่จะชี้แจงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับบริษัทฯ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อสร้างความกระจ่างให้แก่ลูกค้า นักลงทุน ประชาชน สื่อมวลชน และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ตลอดจนเพื่อเป็นการชี้แจงถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ รวมถึงมุมมองและจุดยืนของบริษัทฯ 

บริษัทฯ ยึดมั่นในความโปร่งใสและความซื่อสัตย์เสมอเรื่อยมา และเมื่อเกิดความเข้าใจผิด หรือ การตีความที่ผิดไปจากข้อเท็จจริง บริษัทฯ จึงมีความตั้งใจที่จะแก้ไขเรื่องดังกล่าวอย่างรวดเร็วและเปิดเผย เพื่อให้บริษัทฯ และคอมมูนิตี้ของเราก้าวไปข้างหน้าพร้อมกันได้ 

โดย ดร.เอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทฯ ได้แถลงว่า 

“ผมต้องขอขอบพระคุณลูกค้าทุกท่าน สื่อมวลชน และทุกคนที่สนับสนุนเรามาโดยตลอด ในวันนี้ผมต้องการชี้แจงข้อมูลเพื่อสร้างความกระจ่างในสถานการณ์ปัญหาซึ่งมีความซับซ้อนที่เรากำลังเผชิญอยู่ โดยผมขอยืนยันว่า ตัวผม บริษัทฯ และบริษัทในเครือกลุ่มบริษัทซิปเม็กซ์ มีความตั้งใจอย่างจริงใจและพร้อมทุ่มเทในการแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

เรามีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะเร่งหาทางแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็นในประเด็นใดก็ตาม ผมยึดถือคำพูดของผมเสมอว่า สินทรัพย์ของลูกค้าคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้น วันนี้ผมจึงขอชี้แจงข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาด้วยความโปร่งใสเท่าที่ผมจะสามารถทำได้ โดยไม่ให้กระทบต่อกระบวนการทางกฎหมายที่กำลังดำเนินอยู่ 

ซิปเม็กซ์ได้มีการทยอยคืนเหรียญใน Z Wallet และเครดิตเหรียญต่างๆ ไปยัง Trade Wallet โดยเริ่มจาก 5 เหรียญ ได้แก่ Solana (SOL), Ripple (XRP), Cardano (ADA), Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดตั้งศูนย์บริการลูกค้าพิเศษ (Hotline) ขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าในการดำเนินการต่างๆ โดยบริษัทฯ อย่างไรก็ดี การดำเนินการต่างๆ ส่วนใหญ่ที่เราได้ลงมือทำจนถึงปัจจุบันนี้จะปรากฏให้เห็นและเป็นที่ประจักษ์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าครับ”

ทั้งนี้ จากที่มีการสอบถามข้อสงสัยบางประการมายังบริษัทฯ ทางบริษัทฯ ขอชี้แจงให้ทราบเป็นประเด็น ดังต่อไปนี้ 

ประเด็นที่ 1: ที่มาของปัญหาและรายละเอียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

สืบเนื่องจากผลิตภัณฑ์ ZipUp+ ที่ทางซิปเม็กซ์มีการฝากเงินทุนในรูปแบบของคริปโตเคอร์เรนซีไว้กับแพลตฟอร์มให้กู้ยืม ได้แก่ เซลเซียส เน็ตเวิร์ก (Celsius Network) (“Celsius Network” หรือ “Celsius”) ซึ่งจากสถานการณ์ความผันผวนของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีในปีนี้ ซิปเม็กซ์จึงเริ่มถอนเงินทุนออกจากคู่ค้าทางธุรกิจ โดยในกรณีของ Celsius ซิปเม็กซ์ได้ทราบข้อมูลตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2565 ว่า สถานการณ์ต่างๆ ที่ไม่คาดคิดส่งผลให้มีการระงับการถอนเงินออกจาก Celsius และต่อมา Celsius ได้ประกาศล้มละลายในวันที่ 14 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา ซึ่ง ณ วันที่ Celsius ประกาศล้มละลายนั้น ซิปเม็กซ์ได้ตัดสินใจตัดจำหน่ายและบันทึกลงงบดุลของซิปเม็กซ์

ในขณะเดียวกัน ซิปเม็กซ์ก็ได้ทราบว่าคู่ค้าทางธุรกิจอีกราย ได้แก่ บาเบล ไฟแนนซ์ (“Babel Finance” หรือ “Babel”) ประสบปัญหาสภาพคล่อง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเราได้มีการเจรจาและหารือร่วมกับ Babel มาโดยตลอด และพยายามผลักดันให้เกิดข้อสรุปในด้านต่าง ๆ จึงไม่ปรากฎสัญญาณที่สร้างความตื่นตระหนกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยที่ซิปเม็กซ์มั่นใจว่า Babel จะสามารถหามาตรการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้โดยเร็ว อีกทั้งในขณะนั้น ซิปเม็กซ์ก็ยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ 

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 หลังจากที่ได้มีการหารือร่วมกับตัวแทนของ Babel ซิปเม็กซ์เริ่มตระหนักถึงสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนว่า Babel จะสามารถแก้ไขปัญหาสภาพคล่องที่เกิดขึ้นกับซิปเม็กซ์ได้โดยเร็วหรือไม่ 

ในขณะเดียวกัน เพื่อที่จะป้องกันความผันผวนของตลาดซึ่งเป็นผลมาจากรายงานต่างๆ ที่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงเกี่ยวกับตัวเลขการฝากเงินของซิปเม็กซ์ไว้ที่ Babel Finance ซิปเม็กซ์จึงได้ตัดสินใจระงับการให้บริการโอนระหว่าง Z Wallet และ Trade Wallet เป็นการชั่วคราว โดยเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการปิดปรับปรุงระบบแอปพลิเคชัน และเซิร์ฟเวอร์ตามปกติของซิปเม็กซ์ที่ได้มีกำหนดไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ทั้งนี้ ซิปเม็กซ์ได้เริ่มทยอยเปิดให้บริการถอนสำหรับ Trade Wallet อีกครั้งในวันที่ 22 กรกฎาคม 2565 หลังจากที่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและให้ความกระจ่างเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแก่สาธารณชนเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดจากข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง อีกทั้งยังได้ดำเนินการยื่นการขอพักชำระหนี้ชั่วคราวภายใต้กฎหมายของประเทศสิงคโปร์ในวันเดียวกัน

ในส่วนของคำถามที่เกิดขึ้นว่า เหตุใดซิปเม็กซ์จึงมีการนำเงินไปฝากกับสองบริษัทอย่าง Babel Finance และ Celsius นั้น สืบเนื่องมาจากทางซิปเม็กซ์มีการดำเนินการสอบทาน (due diligence) อย่างถี่ถ้วน และมีการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของคู่ค้าทางธุรกิจทุกรายอย่างละเอียด ทั้งในแง่ของกฎหมายและการปฎิบัติตามระเบียบข้อบังคับ ความมั่นคง ความเสี่ยง รวมทั้งตัวแปรอื่นๆ โดยทั้งสองบริษัทมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งและได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนดังทั่วโลก รวมถึงมีการระดมทุน ดังนี้

  • Celsius Network
    • Celsius Network ได้มีการระดมทุนกว่า 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการระดมทุนรอบ Series B เมื่อปลายปี 2564 ที่ผ่านมา โดยท้ายที่สุดแล้ว ทาง Celsius ได้รับเงินลงทุนสูงถึง 864 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (จากเบื้องต้นเพียง 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ทำให้ Celsius Network มีมูลค่าราคาประเมินบริษัท รวม 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 
  • Babel Finance
    • Babel Finance ได้มีการระดมทุนกว่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการระดมทุนรอบ Series B เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 ทำให้มีมูลค่าสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 

ประเด็นที่ 2 :  กระบวนการยื่นขอพักชำระหนี้ ในประเทศสิงคโปร์ของกลุ่มบริษัทในเครือซิปเม็กซ์ 

บริษัทในเครือซิปเม็กซ์ทั้ง 5 บริษัทได้ยื่นขอพักชำระหนี้ (Moratorium) ต่อศาลสิงคโปร์โดยเป็นการปฎิบัติตามคำแนะนำของที่ปรึกษาทางกฎหมายของซิปเม็กซ์ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวเป็นที่รู้จักอีกนัยหนึ่งว่าเป็น “คำขอเพื่อพักการชำระหนี้” เพื่อช่วยให้ซิปเม็กซ์มีระยะเวลาเพียงพอในการจัดการกับปัญหาต่างๆ และ
หาแนวทางที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า

ทั้งนี้ การยื่นคำขอพักชำระหนี้ต่อศาลสิงคโปร์ในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะปรับโครงสร้างบริษัทในประเทศสิงคโปร์ รวมทั้งการยื่นขอพักชำระหนี้ (moratorium relief) สำหรับประเทศอื่นๆ โดยไม่ได้มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในประเทศไทยแต่อย่างใด และบริษัทฯ ยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ ซิปเม็กซ์ได้มีการชี้แจงเกี่ยวกับการยื่นขอพักชำระหนี้ในเว็บไซต์เพื่อแจ้งความคืบหน้าที่เกิดขึ้นให้ลูกค้าและเจ้าหนี้ทราบโดยทันทีและเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดและการบิดเบือนความจริงที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับกระบวนการดังกล่าวต่อสาธารณชน

สำหรับกระบวนการดังกล่าว เจ้าหนี้มีสิทธิยื่นคำแถลงต่อศาลสิงคโปร์ภายในวันที่ 5 สิงหาคม 2565 โดยกลุ่มบริษัทซิปเม็กซ์จะมีเวลายื่นคำให้การเพื่อตอบคำแถลงดังกล่าวถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2565 และศาลประเทศสิงคโปร์ได้กำหนดนัดพิจารณาคำขอพักชำระหนี้ในวันที่ 15 สิงหาคม 2565 นี้ หากท่านเป็นลูกค้า หรือ เจ้าหนี้ ของซิปเม็กซ์และต้องการที่จะเข้ารับฟังการพิจารณาดังกล่าว กรุณาแจ้งความประสงค์มาที่ทนายความของซิปเม็กซ์ที่ [email protected] โดยเร็วที่สุดเพื่อที่ทนายความจะได้ประสานงานไปยังศาลเพื่อแจ้งความต้องการเข้ารับฟังของท่านต่อไป 

ทางบริษัทฯ ขอแจ้งว่า บริษัทฯ ไม่ได้มีเจตนาที่จะปกปิดข้อเท็จจริงแต่อย่างใด แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการของศาล ซึ่งหากมีความคืบหน้าที่ชัดเจน ทางบริษัทฯ จะมีการแจ้งให้ลูกค้า สื่อมวลชน และผู้ที่เกี่ยวข้องทราบผ่านทางช่องทางอีเมลและประกาศบนเว็บไซต์ของซิปเม็กซ์

ในการดำเนินการทุกขั้นตอน เรายึดมั่นว่าลูกค้าของเราคือสิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอมา และเรามุ่งมั่นที่จะดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า 

ประเด็นที่ 3: การดำเนินการแก้ไขปัญหา 

ซิปเม็กซ์อยู่ในระหว่างการแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาในหลากหลายช่องทาง ลำดับแรก ซิปเม็กซ์กำลังประสานงานกับ Babel Finance เพื่อให้ได้กลับคืนมาซึ่งสินทรัพย์ และลำดับต่อมา เราอยู่ในระหว่างการหารือเรื่องการระดมทุนเพื่อนำเงินเข้ามาหมุนเวียนในบริษัทฯ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถกลับมาให้บริการ Z Wallet อีกครั้ง 

ในขณะนี้ ซิปเม็กซ์ได้มีการหารือร่วมกับนักลงทุนรายใหญ่และมีชื่อเสียงหลายราย รวมถึงได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง หรือ Memorandum of Understanding (MOU) ร่วมกับนักลงทุน 2 ราย และโดยตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนด้านเวลา ซิปเม็กซ์และนักลงทุนได้เดินหน้าเร่งกระบวนการสอบทาน หรือ Due Diligence ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะสามารถแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

ในขณะเดียวกัน ซิปเม็กซ์ยังได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ถือหุ้นปัจจุบันซึ่งได้ลงทุนเพิ่มเติมในเหรียญ ZMT สิ่งนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน ที่ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของเหรียญ ZMT และ Ecosystem ของซิปเม็กซ์ 

นอกจากนี้ แผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ ZMT ยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อดำเนินการตาม Roadmap ให้มากที่สุด ตามที่ซิปเม็กซ์ได้แจ้งกับลูกค้าและสื่อมวลชนทั้งหลายไว้

ประเด็นที่ 4: ความคืบหน้าเกี่ยวกับ Z Wallet

ภายในระยะเวลาเกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซิปเม็กซ์ได้ทำงานอย่างหนักหน่วงเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวผ่านการเจรจาร่วมกับนักลงทุน การให้ความร่วมมือและการปฏิบัติตามคำสั่งของหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนการมุ่งหน้าให้บริการลูกค้าอย่างสุดความสามารถ โดยซิปเม็กซ์พยายามดำเนินการทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อรักษาคำมั่นที่ได้ให้ไว้กับลูกค้า

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบคำถามเกี่ยวกับประเด็นการระงับการถอนสินทรัพย์จาก Z Wallet ทางซิปเม็กซ์ มีความคืบหน้าที่จะแจ้งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยเราให้คำมั่นว่าจะแก้ไขปัญหาเรื่อง Z Wallet และกลับมาให้บริการ Z Wallet อีกครั้ง โดยเมื่อสถานการณ์เริ่มคงที่แล้ว เราจะเครดิตเหรียญไปที่ Trade Wallet ของผู้ใช้งาน เริ่มจากเหรียญที่ไม่ได้รับผลกระทบ ซึ่งได้แก่ ADA, SOL และ XRP โดยจะเริ่มเครดิตให้กับลูกค้าตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2565 เป็นต้นไป ตามกำหนดการดังต่อไปนี้ 

วันอังคารที่ 2 สิงหาคม 2565 – SOL (100% ของยอดคงเหลือทั้งหมดของผู้ใช้งานใน Z Wallet)

วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม 2565 – XRP (100% ของยอดคงเหลือทั้งหมดของผู้ใช้งานใน Z Wallet)

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม 2565 – ADA (100% ของยอดคงเหลือทั้งหมดของผู้ใช้งานใน Z Wallet)

เหรียญของผู้ใช้งานใน Z Wallet จะถูกคำนวณตามจำนวนคงเหลือและเครดิตเข้าไปยัง Trade Wallet ทั้งนี้ ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องดำเนินการใด ๆ และเมื่อสินทรัพย์ดังกล่าวปรากฏใน Trade Wallet แล้ว ผู้ใช้งานจะสามารถทำการถอนได้ตามปกติ

เราตระหนักดีว่าความคืบหน้าดังกล่าวอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการแก้ปัญหา แต่เราเชื่อมั่นว่าเรากำลังแก้ไขปัญหาไปในทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสม ซิปเม็กซ์ทราบดีว่าลูกค้าหลายท่านยังถือเหรียญ BTC, ETH และ Stable coin อื่นๆ อยู่ใน Z Wallet ซิปเม็กซ์จะทำการเครดิตเหรียญดังกล่าวเข้าไปใน Trade Wallet ของผู้ใช้งานตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป ขอให้มั่นใจว่าเราดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างเต็มที่เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างลุล่วง 

ลูกค้าทุกท่านสามารถติดตามกำหนดการเปิดของแต่ละเหรียญอย่างเป็นทางการได้ผ่านทางเว็บไซต์ และช่องทางอื่นๆ อย่างเป็นทางการของซิปเม็กซ์ ตามที่เราพยายามดำเนินการแก้ไขอย่างเต็มความสามารถ

อย่างไรก็ตาม ซิปเม็กซ์ทราบและเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความลำบากใจ ความแคลงใจ และความไม่มั่นคงให้กับลูกค้าเป็นอย่างมาก ซิปเม็กซ์ขอยืนยันว่าจะรีบดำเนินการเปิดให้บริการการใช้งานบนแพลตฟอร์มตามปกติโดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและคลายความกังวลให้แก่ลูกค้าทุกราย 

ขอขอบพระคุณสำหรับความอดทนและการสนับสนุนที่ดีตลอดมา

ทีมงานซิปเม็กซ์