ประเภทของ Node มีดังนี้ 

• Full nodes เป็นโหนดที่มีการโหลดบล็อกเชนมาทั้งก้อน เมื่อเวลาผ่านไปมันจะใหญ่ขึ้นตามขนาดของบล็อกเชน และไม่สามารถลบทิ้งได้ 
• Lightweight nodes เป็นโหนดที่ไม่ได้โหลดบล็อกเชนมาทั้งหมด จะเลือกโหลดแค่บางส่วนของแต่ละบล็อกมาเก็บไว้เท่านั้น 

ความสัมพันธ์ระหว่าง Node, Blockchain และ Miner

ในโลกของคริปโตเคอร์เรนซีเราเรียกแต่ละกลุ่มข้อมูลธุรกรรมว่าบล็อก แต่ละบล็อกมีแฮชที่ลิงก์ไปยังบล็อกก่อนหน้า รวมถึงข้อมูลธุรกรรมด้วย หนึ่งบล็อกจะเชื่อมโยงกับหนึ่งบล็อกก่อนและหลัง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือมีการเชื่อมโยงตามลำดับเวลา ทั้งหมดนี้เราเรียกว่าระบบ “Blockchain” ซึ่งบล็อกเชนมีสิ่งที่เราเรียกว่า Smart contract หรือสัญญาอัจฉริยะ สัญญาเหล่านี้ทำงานโดยอัตโนมัติ ดำเนินการได้ด้วยตนเอง สัญญาอัจฉริยะประกอบด้วยรหัสคอมพิวเตอร์ และสัญญานี้ไม่ต้องผ่านคนกลาง 

ในเครือข่ายสกุลเงินดิจิทัล ระบบไม่ได้จัดเก็บข้อมูลธุรกรรมไว้ใน Node เดียวเท่านั้น แต่อยู่ใน Node  ทั้งหมด ซึ่งเป็นบัญชีแบบแยกประเภท จึงทำให้แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะดำเนินการโจมตีทางไซเบอร์ เพราะเหล่าแฮ็กเกอร์จะต้องโจมตีทุกบล็อกในบล็อคเชนสำเร็จทั้งหมดจึงสามารถแฮกข้อมูลได้ 

สำหรับ Miners คือนักขุดหรือคนที่ตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม และแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์

เมื่อการตรวจสอบการทำธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์ บล็อกจะเข้าร่วมบล็อกเชน และผู้ขุดจะได้รับรางวัลในรูปแบบของสกุลเงินดิจิทัล ตัวอย่างเช่น นักขุด Bitcoin จะได้รับ Bitcoin จำนวนหนึ่ง